10 มกราคม 2552

โปรแกรม Flash Slideshow Maker

ถ้าคุณมีรูปสวย ๆ ที่ต้องการจะโชว์ให้คนอื่นเห็นใน Blog หรือในเว็บไซต์ของคุณ แต่อยากให้มีลูกเล่นสวย ๆ เป็นภาพเคลื่อนไหว ขอแนะนำโปรแกรม Flash Slideshow Maker เป็นโปรแกรมที่ใช้สร้างอัลบัมรูป ที่เป็นไฟล์ flash สามารถทำภาพสไลด์โชว์ในลักษณะภาพเคลื่อนไหว ใส่เพลง ใส่ effect ตามต้องการ ผลจากการสร้าง เป็นได้ทั้งไฟล์ในรูปแบบ SWF ไฟล์ HTM สามารถนำ upload ขึ้นหน้าเว็บได้เลย และสามารถสร้างเป็นแผ่น CD ได้ด้วย

วิธีการใช้งานโปรแกรมก็ไม่อยากมากนักเพียงสามขั้นตอนหลัก ๆ เท่านั้น
1. หลังติดตั้งโปรแกรมเสร็จ เปิดโปรแกรมขึ้นมา คลิกที่ Next>


2. คลิก Add เพื่อเลือกรูปที่ต้องการให้แสดง จากนั้นคลิกที่ Next>

หากต้องการใส่ ลูกเล่นต่างให้กับการเคลื่อนไหวของภาพก็ ไปที่ Transition Effect

เลือก Effect ต่าง ๆตามความชอบว่าให้รูปนั้นแสดงไปในทิศทางใด โดยลากมาใส่ข้างหน้าภาพที่มีรูปสี่เหลี่ยม

3. เลือกรูปแบที่ต้องการให้แสดงที่ Decorate the phpto with และเลือกกรอบของรูปตามความต้องการ จากนั้นคลิกที่ Next>
4. คลิกที่ Publish now! โปรแกรมจะทำการแปลงรูปของคุณให้เป็น Flash

5. คลิกที่ Open output Folder เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ ไฟล์รูปที่เป็น Flash แล้วครับ

ส่วนนี้คือ ส่วนที่เป็นหน้าตางของไฟล์รูปภาพของโปรแกรมนี้
ก่อนอื่นจะต้องเลือกภาพตามที่เราต้องการก่อน
- โดยการนำเมาส์ไปคลิกที่รูปภาพ
- คลิกที่ add เพื่อเลือกรูปภาพตามต้องการ
- คลิก Transition Effect เป็นการเลือกรูปแบบ slide ให้กับภาพ
- คลิก them เป็นการเลือดเพลงและ optios ต่างๆ
- คลิก Advanced เป็นการดูตัวอย่างการ slide และ เลือก category

Category
หัวข้อ Category เป็นการเลือกรูปแบบการแสดง และมีหัวข้อให้เลือกมากมายมีหลายรูปแบบ

เลือกหัวข้อ thumbnail list
หน้าตาจะมีลักษณะดังนี้
1.ภาพย่อยหรือภาพที่จะทำการแสกงถัดไปหรือที่ได้ทำการเลือกไว้นั้นจะแสดงอยู่ทางด้านซ้ายของภาพที่กำลังแสดงอยู่
2.จะมีปุ่มเครื่องมืออยู่ทางด้านล้างเช่น
- ปุ่มplay
- ปุ่มnext
- ปุ่ม spot
เลือกหัวข้อ mirror
หน้าตาจะมีลักษณะดังนี้
1.ภาพย่อยหรือภาพถัดไปที่ได้ทำการเลือกไว้นั้นจะแสดงอยู่ทางด้านล้างของภาพที่กำลังแสดงอยู่
2.ภาพเล็กๆ ปรากฏอยู่ด้านล้างนั้นสามารถทำการเลือก ที่จะทำการให้ภาพนั้นแสกงได้ตามต้องการ
เลือก overlop
หน้าตาจะมีลักษณะดังนี้
1.ภาพย่อยหรือภาพถัดไปที่ได้ทำการเลือกไว้นั้นจะแสดงอยู่ทางด้านหน้าของภาพที่กำลังแสดงอยู่
2.ภาพเล็กๆ ปรากฏอยู่ด้านหน้านั้นสามารถทำการเลือก ที่จะทำการให้ภาพนั้นแสดงได้ตามต้องการ
เลือก list on right
หน้าตาจะมีลักษณะดังนี้
1.ภาพย่อยหรือภาพถัดไปที่ได้ทำการเลือกไว้นั้นจะแสดงอยู่ทางด้านขวาของภาพที่กำลังแสดงอยู่
2.ภาพเล็กๆ ปรากฏอยู่ด้านขวานั้นสามารถทำการเลือก ที่จะทำการให้ภาพนั้นแสดงได้ตามต้องการ

เลือก web album[drag]
หน้าตาจะมีลักษณะดังนี้
1.ภาพย่อยหรือภาพถัดไปที่ได้ทำการเลือกไว้นั้นจะแสดงอยู่ทางด้านหน้าทั้งหมด
2.ภาพทุกๆ ภาพสามารถใช้เมาส์ลากไปวางไว้ที่ตรงไหนก็ได้
3.เมื่อเอาเมาส์คลิกที่รูปภาพ รูปไดรูปหนึ่ง รูปนั้นก็ทำการโชว์ขึ้นมา
4.จะมีปุ่ม next อยู่ทางขวาเมื่อเอาเมาส์ไปชี้
5.จะมีปุ่ม prev อยู่ทางด้านซ้าย

การทำเป็นตัว CD ทำได้ดังดังนี้
ทำการเลือกค่าการแปลงไฟล์ที่ทำการสร้าง เป็นรูปแบบต่าง ๆ ในส่วนของ Output Option โดยถ้าต้องการให้เป็นไฟล์ Flash ก็ให้เลือกเป็น "Create Flash File Only" เป็นต้น
1. ในส่วนของ Output Settings เป็นส่วนที่ใช้สำหรับต้องส่วนที่ใช้สำหรับเก็บข้อมูล และตั้งชื่อไฟล์ต่าง ๆ ที่จะแปลงออกไป 2. เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วให้คลิกที่ปุ่ม

เพื่อทำการแปลงข้อมูลที่สร้างขึ้น
3. โปรแกรมจะทำการแปลงไฟล์ที่สร้างขึ้น
4. เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว โปรแกรมจะแสดงหน้าต่าง Publish ขึ้นมาและถ้าต้องการดูตัวอย่างงานที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้คลิกที่ปุ่ม
5. ก็จะแสดงตัวอย่างประมาณดังรูป

การใส่เสียงในโปรแกรม
การใส่เสียงในโปรแกรม Flash Slideshow Maker Professional นั้นมีขั้นตอนในการดำเนินการดังนี้ครับ
1. ไปที่ เมนูบาร์ เลือกที่ Music >> Add Music file
2. หลังจากที่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนด้านต้นแล้ว ก็จะมีหน้าต่าง Open เกิดขึ้นเพื่อให้เราได้เลือก file เสียงที่ได้เตรียมเอาไว้นำมาใส่ในชิ้นงาน โดยในที่นี้ file เสียงของผมได้เก็บไว้ใน D:/FlashSlideshow/VDS หลังจากที่ได้เลือก file เสียงเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ให้กด Open
File เสียงที่ตัวโปรแกรมรองรับได้แก่
File นามสกุล *.MP3 , *.WMA , *.WAV
st1\:*{behavior:url(#ieooui) }

3. หลังจากที่เราได้ทำการในส่วนของการใส่เสียงเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็จะเข้ามาสู่ในส่วนทำงานของ Theme ซึ่งในทำงานในส่วนนี้จะมีองประกอบที่เกี่ยวกับเสียงหลักๆ ดังนี้คือ
3.1 Add เป็นคำสั่งที่มีไว้สำหรับเพิ่ม File เสียง
3.2 Del เป็นคำสั่งที่มีไว้สำหรับ ลบ File เสียง
3.3 Get Music From เป็นคำสั่งค้นหา File เสียง จาก CD-Rom
3.4 Play เป็นคำสั่งสำหรับเล่น File เสียงที่เราได้เลือกไว้ครับ
หลังจากที่เราได้ดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ มาแล้ว ที่นี้เราก็จะได้ Sildeshow ที่มีเสียงเพลงเพื่อเพิ่มความเท่ให้กับชิ้นงานของเราแล้วครับ ลองทำกันดูครับรับรองว่าชิ้นงานออกมาพอมีเสียงเพลงแล้วดูดีขึ้นจมเลยครับ

15 พฤศจิกายน 2551

การศึกษากับสื่อมัลติมีเดีย

มัลติมีเดียกับการเรียนการสอน
มัลติมีเดียและเทคโนโลยีมัลติมีเดีย มีความสำคัญกับการเรียนการสอนในปัจจุบันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการเรียนในระบบออนไล์ หรือเรียนผ่านระบบเครือข่าย (e-Learning) เพราะการนำเทคโนโลยีทางด้านนี้มาใช้ เกิดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอย่างมาก ผู้เรียนสามารถโต้ตอบกับระบบได้ และระบบสามารถเก็บข้อมูลสถิติการเรียน การทดสอบ และพัฒนาการของผู้เรียนไว้เป็นข้อมูลได้เช่นกัน นอกจากการเรียนดังกล่าว เทคโนโลยีมัลติมีเดียยังมีความสำคัญกับการให้บริการสารสนเทศในองค์กรต่าง ๆ ซึ่งเกิดผลดีต่อผู้ใช้ และเป็นการสร้างคุณค่าให้กับสารสนเทศนั้น ๆ ให้มีความสำคัญต่อผู้ใช้ เนื่องด้วยการเข้าถึงสารสนเทศนั้น ๆ ทั้งนี้นอกจากประโยชย์ต่าง ๆ ดังกล่าวแล้วมัลติมีเดียยังมีข้อดีอีกมากมายดังนี้
1.เทคโนโลยีด้านสื่อมัลติมีเดียช่วยให้การออกแบบบทเรียน ตอบสนองต่อแนวคิด และทฤษฎีการเรียนรู้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งส่งผลโดยตรงต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การวิจัย
ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของสื่อมัลติมีเดียว่า สามารถช่วยเสริมการเรียนรู้ ทำให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้นได้
2. สื่อมัลติมีเดียในรูปแบบของซีดีรอม ใช้ง่าย เก็บรักษาง่าย พกพาได้สะดวก และสามารถทำสำเนาได้ง่าย
3. สื่อมัลติมีเดียเป็นสื่อการสอนที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองตามศักยภาพ ความต้องการ และความสะดวกของตนเอง สามารถสร้างสถานการณ์จำลอง จำลองประสบการณ์ ตลอดจนส่งเสริมให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับสื่อให้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง
4. ในปัจจุบันมีโปรแกรมช่วยสร้างบทเรียน (Authoring Tools) ที่ง่ายต่อการใช้งานทำให้บุคคลที่สนใจทั่วไปสามารถสร้างบทเรียนสื่อมัลติมีเดียใช้เองได้
5. ผู้สอนสามารถใช้สื่อมัลติมีเดียเพื่อสอนเนื้อหาใหม่
เพื่อการฝึกฝน เพื่อเสนอสถานการณ์จำลอง และเพื่อสอนการคิดแก้ปัญหา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการนำไปใช้เป็นประการสำคัญ รูปแบบต่างๆ ดังกล่าวนี้จะส่งผลดีต่อการเรียนรู้ วิธีการเรียนรู้ และรูปแบบการคิดหาคำตอบ
6. สื่อมัลติมีเดียช่วยสนับสนุนให้มีสถานที่เรียนไม่จำกัดอยู่เพียงห้องเรียน เท่านั้น ผู้เรียนอาจเรียนรู้ที่บ้าน ที่ห้องสมุด หรือภายใต้สภาพแวดล้อมอื่นๆ ตามเวลาที่ ตนเองต้องการ
7. เทคโนโลยีสื่อมัลติมีเดีย สนับสนุนให้เราสามารถใช้สื่อมัลติมีเดียกับผู้เรียนได้ ทุกระดับอายุ และความรู้ หลักสำคัญอยู่ที่การออกแบบ ให้เหมาะสมกับผู้เรียนเท่านั้น
8. สื่อมัลติมีเดียที่มีคุณภาพ นอกจากจะช่วยให้เกิดความคุ้มค่าในการลงทุนของโรงเรียน หรือหน่วยงานแล้ว ความก้าวหน้าของระบบครือข่าย ยังช่วยส่งเสริมให้การใช้สื่อมัลติมีเดียเป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาอื่นๆ อีกด้วย

dfg
สื่อนับว่าเป็นสิ่งที่มีบทบาทอย่างมากในการเรียนการสอน เนื่องจากเป็นตัวกลางที่ช่วยให้การสื่อสารระหว่างผู้สอน และผู้เรียนดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้เรียนมีความเข้าใจเนื้อหาบทเรียนได้ตรงกับที่ผู้สอนต้องการ การใช้สื่อการสอนนั้นผู้สอนจำเป็นต้องศึกษาถึงลักษณะเฉพาะ และคุณสมบัติของสื่อแต่ละชนิด เพื่อเลือกสื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์การสอน และสามารถจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้กับผู้เรียน เพื่อให้กระบวนการเรียนการสอนดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สื่อการสอน (Instructional Media) หมายถึง สื่อชนิดใดก็ตามไม่ว่า จะเป็นเทปบันทึกเสียง สไลด์ วิทยุ โทรทัศน์ วีดิทัศน์ แผนภูมิ ภาพนิ่ง ฯลฯ ซึ่งบรรจุเนื้อหาเกี่ยวกับการเรียนการสอน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือหรือช่องทาง สำหรับผู้สอนส่งไปถึงผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์หรือ จุดมุ่งหมายที่ผู้สอนวางไว้ได้เป็นอย่างดี
เอดการ์ เดล (Edgar Dale) ได้จัดแบ่งสื่อการสอนเพื่อเป็นแนวทางในการอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างสื่อโสตทัศนูปกรณ์ต่างๆ ในขณะเดียวกันก็เป็นการแสดงขั้นตอนของประสบการณ์การเรียนรู้และการใช้สื่อแต่ละประเภทในกระบวนการเรียนรู้ด้วย โดยพัฒนาความคิดของ Bruner ซึ่งเป็นนักจิตวิทยา นำมาสร้างเป็น "กรวยประสบการณ์" (Cone of Experiences) โดยแบ่งเป็นขั้นตอนดังนี้
1. ประสบการณ์ตรง โดยการให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ตรงจากของจริง เช่น การจับต้องและการเห็น เป็นต้น
2. ประสบการณ์รอง เป็นการเรียนโดยให้ผู้เรียนเรียนจากสิ่งที่ใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุด ซึ่งอาจเป็นการจำลองก็ได้
3. ประสบการณ์นาฏกรรมหรือการแสดง เป็นการแสดงบทบาทสมมติ หรือการแสดงละครเนื่องจากข้อจำกัดด้วยยุคสมัยเวลา และสถานที่ เช่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ หรือเรื่องราวที่เป็นนามธรรม เป็นต้น
4. การสาธิต เป็นการแสดงหรือการทำเพื่อประกอบคำอธิบายเพื่อให้เห็นลำดับขั้นตอนของการกระทำนั้น
5. การศึกษานอกสถานที่ เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์ต่างๆ ภายนอกสถานที่เรียน อาจเป็นการเยี่ยมชมสถานที่ การสัมภาษณ์บุคคลต่างๆ เป็นต้น
6. นิทรรศการ เป็นการจัดแสดงสิ่งของต่าง ๆ เพื่อให้สาระประโยชน์แก่ผู้ชม โดยการนำประสบการณ์หลายอย่างผสมผสานกันมากที่สุด
7. โทรทัศน์ โดยใช้ทั้งโทรทัศน์การศึกษา และโทรทัศน์การสอนเพื่อให้ข้อมูลความรู้แก่ผู้เรียนหรือผู้ชมที่อยู่ ในห้องเรียนหรืออยู่ทางบ้าน
8. ภาพยนตร์ เป็นภาพที่บันทึกเรื่องราวลงบนฟิลม์เพื่อให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ทั้งภาพ และเสียงโดยใช้ประสาทตา และหู
9. การบันทึกเสียง วิทยุ ภาพนิ่ง อาจเป็นทั้งในรูปของแผ่นเสียง เทปบันทึกเสียง วิทยุ รูปภาพ สไลด์ ข้อมูลที่อยู่ในขั้นนี้จะให้ประสบการณ์แก่ผู้เรียน ที่ถึงแม้จะอ่านหนังสือไม่ออกแต่ก็จะสามารถเข้าใจเนื้อหาได้
10. ทัศนสัญลักษณ์ เช่นแผนที่ แผนภูมิ หรือเครื่องหมายต่างๆ ที่เป็นสัญลักษณ์แทนสิ่งของต่าง ๆ
11. วจนสัญลักษณ์ ได้แก่ตัวหนังสือในภาษาเขียน และเสียงพูดของคนในภาษาพูด
สื่อการสอนไม่ว่าจะเป็นชนิดใดก็ตาม ผู้สอนอาจจะใช้สื่อครั้งละชนิดเดียว หรืออาจจะใช้สื่อหลาย ๆ ชนิดร่วมกันในลักษณะของ สื่อประสม หรือสื่อมัลติมีเดีย (Multimedia) ก็ได้ แต่สื่อการสอนจะมีคุณค่าก็ต่อเมื่อมีการเลือกใช้สื่ออย่างเหมาะสม ซึ่งมีหลักการพิจารณา ดังนี้
1. สื่อนั้นต้องสัมพันธ์กับเนื้อหาบทเรียน และจุดมุ่งหมายที่จะสอน
2. เลือกสื่อที่มีเนื้อหาถูกต้อง ทันสมัย น่าสนใจ และเป็นสื่อที่ส่งผลต่อการเรียนรู้มากที่สุด
3. เป็นสื่อที่เหมาะกับวัย ระดับชั้น ความรู้ และประสบการณ์ของผู้เรียน
4. สื่อนั้นควรสะดวกในการใช้ วิธีใช้ไม่ยุ่งยากซับซ้อนเกินไป
5. เป็นสื่อที่มีคุณภาพเทคนิคการผลิตที่ดี มีความชัดเจนเป็นจริง
6. มีราคาไม่แพงเกินไป หรือถ้าจะผลิตควรคุ้มกับเวลาและการลงทุน


k
ในอดีต เมื่อกล่าวถึงคำว่า สื่อมัลติมีเดีย (Multimedia) หรือสื่อประสม จะหมายถึง การนำสื่อหลายๆ ประเภทมาใช้ร่วมกัน เช่น รูปภาพ เครื่องฉายแผ่นโปร่งใส เทปบันทึกเสียง วีดีโอ ฯลฯ เพื่อให้การเสนอผลงาน หรือการเรียนการสอนดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเสนอเนื้อหาในรูปแบบต่างๆ นอกจากการบรรยายเพียงอย่างเดียว โดยที่ผู้ฟัง หรือผู้เรียนมิได้มีปฎิสัมพันธ์ต่อสื่อนั่นโดยตรง
ในปัจจุบัน เมื่อกล่าวถึงคำว่า สื่อมัลติมีเดีย จะหมายถึง การใช้คอมพิวเตอร์แสดงผล ในลักษณะผสมสื่อหลายชนิดเข้าด้วยกัน โดยเน้นที่การเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เห็น ได้เลือก และรับฟังข้อมูลข่าวสารผ่านจอคอมพิวเตอร์ โดยข้อมูล และข่าวสารต่างๆ จะรวมรูปแบบของ ตัวอักษร รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว เสียงและ วีดีโอ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตอบโต้ และมีปฎิสัมพันธ์กับสื่อโดยตรงได้ และเมื่อนำสื่อมัลติมีเดียมาใช้กับการศึกษา จึงนิยมเรียกว่าสื่อมัลติมีเดียเพื่อการศึกษา
k
j
1. ความคุ้มค่า
2. เลือกใช้ให้เหมาะสมกับลักษณะเฉพาะของสื่อ
3. เลือกใช้ให้สัมพันธ์กับวัตถุประสงค์ และจุดมุ่งหมาย โดยพิจารณาว่าสื่อนั้นต้องสัมพันธ์กับเนื้อหาและจุดมุ่งหมายที่จะนำเสนอ มีเนื้อหาถูกต้องทันสมัยน่าสนใจ และเป็นสื่อที่จะให้ผลต่อการเรียนการสอนมากที่สุด อีกทั้งเป็นสื่อที่เหมาะสมกับวัย ระดับชั้น ความรู้ และประสบการณ์ของผู้ศึ
4. เลือกใช้ให้เหมาะกับกระบวนการเรียนการสอน เช่น นำสื่อนั้นมาใช้เป็น สื่อหลักหรือสื่อเสริม เป็นต้น
5. เลือกใช้ให้เหมาะกับขนาดของกลุ่มเป้าหมาย
6. เลือกให้เหมาะสมกับทรัพยากรที่มี(สายโทรศัพท์ จำนวนเครื่อง ความเร็วโมเด็มและทัศนคติของคน)
7. เลือกใช้สื่อที่มีอยู่แล้วแทนการสร้างเอง หรือดัดแปลงสื่อที่มีอยู่แล้วให้ใช้ได้ดี และเหมาะสมมากยิ่งขึ้น เป็นต้น
8. จรรยาบรรณเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ ซึ่งสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากhttp://www.uni.net.th/~08_2543/chap04/418.html